กาแฟถูกนำเข้าเวียดนามโดย ชาวอาณานิคมฝรั่งเศส ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 และการเพาะปลูกกาแฟในเวียดนามก็ขยายตัวเพิ่มขึ้นในพื้นที่ราบสูงส่วนกลาง จนทำให้เวียดนามกลายเป็นผู้ผลิตกาแฟใหญ่เป็นอันดับสองของโลก โดยในปีพ.ศ. 2547 เวียดนามผลิตกาแฟโรบัสต้าได้ถึง 750 ตัน นอกจากนี้เวียดนานยังมีวิธีการเพาะปลูก,วิธีการคั่วกาแฟและชงที่เป็นเอกลักษณ์มามากกว่า 200 ปี โดยผมจะขอกล่าวถึงวิธีการชงกาแฟของเวียนนามที่สืบทอดกันมาซึ่งเป็นวิธีการชงแบบหยด ( Drip )
หม้กรองกาแฟเวียดนาม Vietnamese coffee filter |
ส่วนประกอบของหม้อกรอง |
หม้อกรองกาแฟเวียดนามปกติจะประกอบด้วยชิ้นสวน 3 ส่วนด้วยกันคือหม้อกรอง แผ่นกรองอะลูมิเนียม
สำหรับกดกาแฟคั่วบด และฝาปิด
ตามรูปด้านซ้ายมือ
สำหรับวิธีการชงก็ไม่ยากครับ
ขั้นตอนที่ 1:
ใส่นมข้นหวานลงในแก้ว หรือจะใช้น้ำตาลก็ได้ครับ
ขั้นตอนที่ 2 :
เปิดฝาหม้อกรองกาแฟ แล้วดึงแผ่นกรองอะลูมิเนียมออกมาครับ
ขั้นตอนที่ 3 :
นำกาแฟสดใส่ลงไปในหม้อกรอง ความอ่อนหรือเข้มของกาแฟ อยู่ตรงที่ปริมาณกาแฟสดที่เราใส่ลง ไปครับ
ขั้นตอนที่ 4 :
ใส่แผ่นกรองอะลูมิเนียม ลงไปในถ้วยชงกาแฟ แล้วกดลงไปเบา ๆ หลังจากนั้นจึงนำขึ้นวางลง บนแก้วกาแฟ
ขั้นตอนที่ 5 :
ค่อย ๆ รินน้ำร้อนลงไปถ้าต้องการรสชาติเข้มข้น ก็ใช้ปริมาณน้ำน้อยแค่ครึ่งแก้วครับ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณเนื้อกาแฟคั่วที่ใส่ลงไปด้วยครับ ส่วนข้างล่างเป็นน้ำขมหวาน ใครไม่ชอบนมข้นหวาน จะเปลี่ยนไปเป็นน้ำตาลก็ได้ครับ
ขั้นตอนที่ 6 :
ปิดฝาหม้อกรองกาแฟ เพื่อเก็บกลิ่นเอาไว้ จากนั้นน้ำร้อนจากด้านบนจะค่อย ๆ ไหลผ่านกาแฟคั่วบดแล้วหยดลงไปในแก้วกาแฟข้างล่าง เกือบได้ ชิมแล้วครับ ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ได้อารมณ์เป็นอย่างยิ่ง
ขั้นตอนสุดท้าย :
เมื่อน้ำร้อนในถ้วยชงด้านบนหยดลงแก้วด้านข้างจนหมด ค่อย ๆ ยกชุดชงด้านบนออก ง่าย ๆ เพียงแค่นี้ ก็ได้กาแฟเวียดนามที่หอมกรุ่นมาชิมแล้วครับ รสชาตินุ่มอย่าบอกใครเชียว...
ที่ผมเขียนเรื่องกาแฟเวียดนามก็เพราะว่าไปเจอร้านขายกาแฟชงแบบเวียดนามโดยใช้กาแฟดอยหลวงเลยแวบเข้าไปชิมก็ติดใจตามระเบียบเลยขอซื้อหม้อกรองพี่แกมา 1 ชุด ค่าเสียหาย 200 บาท แล้วมาลองชงดูก็ให้อารมณ์ไปอีกแบบครับ วันหลังจะเขียนร้านนี้ให้ฟังครับเป็นร้านที่นารักมาก คนเยอะเลยมีเวลาคุยกับเจ้าของตอนรอกาแฟ นานเลย